Month: มีนาคม 2023

สร้างสุขภาพดีแบบยั่งยืนด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้สมดุล

สร้างสุขภาพดีแบบยั่งยืนด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้สมดุล

เคยไหมที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาในการพักผ่อนหรือเกิดความเครียดในระดับที่เกินพอดีทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หลายคนเกิดอาการเจ็บป่วยทางร่างกายหรือในบางรายก็มีอาการทางด้านสุขภาพใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นควรที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะขอแนะนำการสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้มีความสมดุลและเหมาะสม จะมีวิธีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย

  • จัดการเคลียร์งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลางานเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดบังเวลาพักผ่อน ทั้งนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละอย่างว่าอะไรที่เร่งด่วนมีกำหนดส่งงานที่ชัดเจน ไม่สามารถเลื่อนได้เพื่อที่จะได้วางแผนทำงานนั้น ๆ ก่อนไม่มาเร่งงานเอาในวันสุดท้าย เพราะจะทำให้เกิดความเครียดและไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าที่ควร แม้ว่าดูจะเป็นเหมือนเรื่องง่าย ๆ แต่ก็ต้องอาศัยวินัยและการฝึกวางแผน ฝึกปฏิบัติอย่างเป็นประจำ
  • ปรับเวลาการนอนหลับพักผ่อนให้มีความเหมาะสม แม้ว่าเป็นวันหยุดแต่การนอนดึกตื่นสายก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ควรจัดสรรเวลาในการนอนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาอย่างสดใส ทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างสูตรที่หลายคนนำไปใช้กันนั่นก็คือ 8:8:8 แบ่งเป็นการนอนหลับพักผ่อน 8 ชั่วโมง การทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ในแต่ละวันอีก 8 ชั่วโมง และชั่วโมงการทำงานจริงจังอีกประมาณ 8 ชั่วโมง ใครที่สามารถทำได้ดังสูตรข้างต้น ความเครียดหรือปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็สามารถดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
  • วางแผนชีวิตในหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี เพื่อให้สามารถเห็นเป้าหมายของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ชีวิตในแบบที่ต้องการเป็นแบบไหน ต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้างในช่วงระยะเวลานั้น ๆ รวมถึงเป้าหมายทางสุขภาพที่ดีด้วย เมื่อได้วางแผนอย่างจริงจังจะทำให้เราใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ  
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละประมาณ 3-5 ครั้งเพื่อส่งเสริมให้สุขภาพกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น การออกกำลังกายที่เหมาะสมก็ถือเป็นการผ่อนคลายที่ดีมาก ๆ วิธีหนึ่ง เนื่องด้วยจะมีการหลั่งสารที่ทำให้มีความสุข ใครที่อยากมีจิตใจสดชื่นแจ่มใสและหุ่นเฟิร์มล่ะก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ

ไม่ยากเลยใช่ไหมสำหรับวิธีในการจัดสรรเวลาในตารางชีวิตให้เกิดความสมดุล แต่ละวิธีเป็นวิธีที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตของแต่ละคนได้จริง ซึ่งสำหรับใครที่ยังไม่สามารถทำได้ทุกข้อก็สามารถที่เลือกข้อที่สามารถเหมาะสมสำหรับตนเองเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ รับรองว่าสุขภาพดี ๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างแน่นอน

13 อาหารตับสุขภาพดี

ตับ คือหนึ่งในอวัยวะสำคัญของร่างกายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีหน้าที่สำคัญที่สุดคือ กรองและกำจัดของเสียรวมถึงสารพิษตกค้างจากอาหารที่รับประทานเข้าไป และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังมีหน้าที่สำคัญอื่น ๆ อีกมาก จึงเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องให้ความสำคัญในการปกป้องดูแลตับของเราให้แข็งแรงที่สุด และหนึ่งในเรื่องสำคัญนั้นก็คือ การกิน เราจะกินอะไร และอย่างไรให้ตับสุขภาพดี ไปดูกัน 

  1. กลุ่มผักเป็นหัว เช่น กะหล่ำปลี ช่วยกระตุ้นการสร้างกลูต้าไธโอน,บร็อคโคลี มีสารซัลโฟราเฟน ทั้งสองชนิดนี้ช่วยทำหน้าที่กำจัดสารพิษในตับได้เป็นอย่างดี 
  2. กลุ่มผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักกาดหอม ช่วยป้องกันการสะสมของโลหะหนัก กำจัดสารพิษ
  3. กลุ่มพืชตระกูลหัว เช่น บีทรูท,แครอท,มันเทศ มีกลูโคชิโนเลตช่วยต่อต้านสารพิษ
  4. กลุ่มผลไม้ เช่น อะโวคาโด อุดมด้วยกลูต้าไธโอนและกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6, มะขามป้อม มีวิตามินซีสูงกว่าแอปเปิ้ลถึง 160 เท่า ช่วยรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันพิษโลหะหนัก และลดความเสี่ยงมะเร็งตับ,ลิ้นจี่ อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน กลูโคส และกรดซิตริก บำรุงตับชั้นเลิศ
  5. อาหารที่มีในกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega3) เช่น น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว ถั่วเหลือง ถั่วแระ เนื้อปลาปลาทูนา แซลมอน เมล็ดแฟลกซ์  นอกจากบำรุงตับแล้วยังช่วยลดการอักเสบของตับอีกด้วย 
  6. กระเทียม มี “อัลลิซิน” ช่วยเผาผลาญไขมัน ลดคอเลสเตอรอลในเลือด และการเกิดอนุมูลอิสระที่ทำร้ายตับ กระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ขับสารพิษ “อัลลิซินและซีลีเนียม” ยังเป็นตัวดีท๊อกซ์ธรรมชาติกำจัดพิษจากตับ
  7. น้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้เพียงพอ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร 
  8. กาแฟดำ มี “คาเฟอีน” ช่วยชะลอการเกิดพังผืดในตับ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
  9. อาหาร-เครื่องดื่มชะลอการสะสมไขมัน ลด และต้านการอักเสบในตับ เช่น ชาเขียว,ถั่วเหลือง มี“จีนิสทีน”ช่วยลดภาวะตับคั่งไขมัน,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่   
  10. ลด-เลี่ยง อาหารสำเร็จรูป  อันตรายอยู่ในกระบวนการปรุงแต่ง การยืดอายุอาหาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ แฝงไว้ด้วยสารก่อมะเร็ง สารโลหะหนัก ที่จะทยอยทำร้ายตับไปทีละน้อย 
  11. ลด-เลี่ยง การบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีอยู่ในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ติดมัน น้ำมันมะพร้าว กะทิ 
  12. ลด-เลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดพยาธิใบไม้ในตับ เช่น ปลาร้า เนื้อสัตว์สุกๆดิบๆ 
  13. น้ำตาลฟรุกโตสตัวทำร้ายตับ เป็นน้ำตาลที่พบในผักและผลไม้และเป็นน้ำตาลที่เติมในเครื่องดื่ม  เช่น น้ำอัดลม  น้ำผลไม้กล่อง กินแล้วจะส่งตรงไปที่ตับและสะสมเป็นไขมันพอกอยู่ที่ตับ

นอกจากการกินอาหารบำรุง และป้องกันความเสียหายของตับแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดูแลในทุกอวัยวะของร่างกายมนุษย์ อีกอย่างการเปิดดูฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดความเครียดและสามารถลุ้นสนุกกับเกมไปด้วยจากการลุ้นผล

นอกจากการกินอาหารบำรุง และป้องกันความเสียหายของตับแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดูแลในทุกอวัยวะของร่างกายมนุษย์ อีกอย่างการเปิดดูฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดความเครียดและสามารถลุ้นสนุกกับเกมไปด้วยจากการลุ้นผล

นอกจากการกินอาหารบำรุง และป้องกันความเสียหายของตับแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดูแลในทุกอวัยวะของร่างกายมนุษย์ อีกอย่างการเปิดดูฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดความเครียดและสามารถลุ้นสนุกกับเกมไปด้วยจากการลุ้นผล

นอกจากการกินอาหารบำรุง และป้องกันความเสียหายของตับแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดูแลในทุกอวัยวะของร่างกายมนุษย์ อีกอย่างการเปิดดูฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดความเครียดและสามารถลุ้นสนุกกับเกมไปด้วยจากการลุ้นผล 888 livescore ของเว็บวิเคราะห์บอล888.com ที่รวมเอาทุกอย่างมาไว้ที่เดียว

6 โรคตาที่เกิดได้กับทุกคน

6 โรคตาที่เกิดได้กับทุกคน

โรคที่เกิดขึ้นกับดวงตามีหลายโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากดวงตาเสื่อมไปตามวัย และเกิดจากการเร่งให้เสื่อมก่อนวัยจากการใช้ดวงตาหนักเกินไป โดยเฉพาะวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่ต้องใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ตเป็นประจำ ลองมาดูกันว่ามนุษย์มีความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับดวงตาอะไรบ้าง

  1. โรคซีวีเอส หรือ โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม หรือ โรคตาแห้ง จะมีอาการปวดตา แสบตา ระคายเคือง ตามัว เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา อาจปวดหัวร่วมด้วย เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเกิน 2 ชั่วโมง มีอาการตาแห้ง พบได้ 75% ของคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ และอาจเกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันที่เปลือกตา และสาเหตุอื่น พบบ่อยทั้งในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศและผู้สูงวัย
  2. โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคสูญเสียการมองเห็นบริเวณศูนย์กลางของจอประสาทตา ยังพอมองเห็นได้จากส่วนรอบข้างดวงตาแต่ภาพพร่ามัว บิดเบี้ยว พบได้ในผู้สูงอายุ 50-60 ปีขึ้นไป และในกลุ่มวัยทำงานที่ต้องจ้องจอนาน ๆ ซึ่งเป็นช่องทางการรับแสงสีฟ้าเข้ามาทำลายจอประสาทตาโดยตรง
  3. โรคต้อหิน เกิดจากความเสื่อมของเส้นประสาทตา ขั้วประสาทตาถูกทำลายจากความดันในลูกตาสูง มีอาการปวดตา ตามัว เห็นรุ้งรอบดวงไฟ และอาจปวดหัว คลื่นไส้ร่วมด้วย มีอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ ส่วนใหญ่พบในผู้สูงวัย และเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนวัยต่ำกว่า 30 ปี
  4. วุ้นตาเสื่อม หรือ น้ำวุ้นตาตกตะกอน จะมองเห็นเป็นจุดลอย เมื่อมองผนังสีขาวจะเห็นเป็นจุดดำหรือเทาลอยไปมามีรูปร่างวงกลม หรือรูปทรงอื่น ตามัวลงเหมือนถูกบังภาพ,เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบ เสื่อมตามวัยไม่ต้องรักษา พบในอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และในคนที่จ้องหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ อ่านหนังสือ เล่นเกมนาน ๆ
  5. โรคต้อกระจก เป็นภาวะที่เลนส์ตามีความขุ่นมัว แสงผ่านเข้าดวงตาลดลงทำให้จอประสาทตารับภาพได้ไม่ชัดเจน การมองเห็นลดลงเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่พบในผู้สูงวัย อายุมากกว่า 50-60 ปี ขึ้นไป แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นกับวัยอื่น ๆ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดหรือกลุ่มคนอายุน้อยที่ใช้สเตียรอยด์
  6. ต้อเนื้อ ต้อลม มีลักษณะเป็นเนื้อนูนที่เยื่อตาขาวข้างกระจกตาดำ ถ้าอยู่เฉพาะที่เยื่อบุตาขาว เรียกว่าต้อลม แต่ถ้าเข้ามากินพื้นที่กระจกตาดำเรียกว่า ต้อเนื้อ เยื่อบุตาเสื่อมทำให้สายตาเอียง และตามัวมากขึ้น ต้อเนื้อพบบริเวณหัวตามากกว่าหางตา และโอกาสเป็นมากขึ้นหากโดนแสงแดดจ้า ปะทะลม ฝุ่น ควัน ผงทรายพบมากในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

แม้ดวงตาจะต้องเสื่อมไปตามวัย แต่เราสามารถป้องกันดูแลดวงตาให้มีอายุขัยยืนยาว สุขภาพดีอยู่เคียงคู่กับเราได้โดยไม่มีอุปสรรคในการมองเห็นด้วยการใช้สายตาอย่างเหมาะสม อย่าจ้องดูผลบอลผ่านมือถือเป็นเวลานานๆ และพยายามหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงทุกชนิด หากสุดวิสัยต้องใส่ใจเร่งรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆป้องกันการลุกลามจนถึงขั้นสูญเสียดวงตาได้

ทริคดื่มกาแฟลดน้ำหนัก อย่างไรไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและได้หุ่นปัง

ทริคดื่มกาแฟลดน้ำหนัก อย่างไรไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและได้หุ่นปัง

เทรนด์ความงามเป็นเรื่องที่ผู้หญิงและผู้ชายทุกคนติดตามกันอยู่แล้ว เพราะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีสร้างความมั่นใจได้อีกด้วย เช่นเดียวกับเทรนด์การดื่มกาแฟลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับความนิยม คำถามคือจะเลิกดื่มอย่างไรให้ปลอดภัยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ นี้จะชวนมาเปิดที่กั้นดื่มกาแฟลดน้ำหนัก ทำตามกันง่าย ๆ และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน บอกเลยว่าเป็นวิธีที่ใคร ๆ ก็ทำ โดยเฉพาะสาย healthyและเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟโดยพื้นฐาน

เริ่มจากการจิบน้อยๆ การดื่มกาแฟที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้คือไม่ควรตะบี้ตะบันดื่ม บางคนติดกาแฟกินทุกวันและกินบ่อย บางครั้งลืมไปว่าในกาแฟก็มีน้ำตาลเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่ดื่มกาแฟดำ ขอแนะนำให้คุณจิบกาแฟแต่จิบตลอดทั้งวันได้และเลือกรสชาติที่ชอบ

ดื่มกาแฟดำดีที่สุด เพราะกาแฟสดที่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมเป็นส่วนผสมที่ทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มกาแฟหวานจัด อนาคตมีความเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ เพราะน้ำตาลก่อให้เกิดโรคเบาหวานได้ แนะนำสำหรับใครที่คิดว่าดื่มไม่อร่อยเพราะขมจนเกินไปลองเริ่มจากการดื่มรสชาติบางเบาใส่กาแฟสักครึ่งช้อนก่อนก็ได้ เพราะการดื่มกาแฟดำดีกว่ากาแฟที่ผสมน้ำตาลและครีมเทียมอยู่แล้ว นั่งจิบยามเช้าชิลๆไปพร้อมดูผลบอลว่าทีมที่ชื่นชอบชนะหรือไม่ สุขไป 2 ต่อ

เลือกดื่มกาแฟในเวลาที่เหมาะสม เพราะในกาแฟนั้นอย่างที่ทราบกันว่ามีคาเฟอีนที่ทำให้เราตื่นตัวจะออกฤทธิ์นานถึง 6 ชั่วโมง หลังจากนั้นภายใน 48 ชั่วโมงร่างกายจะขับออกทั้งหมด ดังนั้นเวลา 15.00 น.และช่วงค่ำไม่ควรดื่ม

ก่อนออกกำลังกายจิบกาแฟสักหน่อย เพราะกาแฟเองช่วยให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมกับช่วยเร่งการเผาผลาญได้ในเวลาเดียวกัน ใครที่เคยรู้สึกว่าในช่วงออกกำลังกายล้าหรือไม่มีแรงเราจิบกาแฟสักนิดแล้วไปฟิตร่างกายด้วยการจ๊อกกิ้งเบา ๆ หรือเข้าฟิตเนส สิ่งสำคัญคือไม่ควรหักโหม เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและหุ่นฟิตเฟิร์มขึ้น

ดื่มกาแฟแล้วอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะหากร่างกายดื่มมากจนเกินไปและไม่ดื่มน้ำเปล่าเลยจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะการขาดน้ำ ที่สำคัญการดื่มน้ำเปล่าตามมีส่วนช่วยกันเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ด้วย

เหล่านี้เป็นทริคง่าย ๆ ในการดื่มกาแฟให้คุณมีสุขภาพที่ดีหุ่นฟิตแบบไม่อ้วน เหมาะสำหรับคนที่ติดกาแฟไม่อยากหักดิบ รวมถึงคนที่กำลังหาทริคง่าย ๆ ในการหาเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วไม่ทำให้หุ่นสวย ลองทำตามกันดูแล้วคุณจะรู้ผลลัพธ์ เพราะนี่เป็นวิธีที่ใครก็ทำตามกันและได้ผล