ดูแลสุขภาพ

ดูแลสุขภาพอย่างไรจึงแข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

ดูแลสุขภาพอย่างไรจึงแข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

ในฤดูหนาว อากาศมักจะมีความเย็นกว่าปกติ ขณะเดียวกันก็อาจจะมีแดดและฝนร่วมด้วยในบางวัน ทำให้หลายคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง โดยเฉพาะเด็กผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบ มีอาการกำเริบและทำให้ทรุดหนักจากการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีใดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ป้องกันโรคภัยในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

1.รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักกาดเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม มะนาว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ฝรั่ง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

2.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายในช่วงฤดูหนาวเป็นเรื่องที่ยากสำหรับหลายคน เพราะอากาศดีน่านอน แต่ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องแบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเช่น การเดินเร็ว กระโดดเชือก ปั่นจักรยานหรือเดินแกว่งแขน สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ลดความอ้วนไปในตัวด้วย

3.การหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน

ในช่วงที่อากาศเปลี่ยน หากมาอยู่รวมกันในที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านอาหารห้องแอร์ ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี จะมีโอกาสได้รับเชื้อโรคนานานชนิดเข้าสู่ร่างกายมาก ซึ่งในช่วงฤดูหนาวจะเป็นเวลาที่หลายคนพากันไปเที่ยวกับครอบครัว จึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังสุขภาพมากขึ้น ควรเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ เช่น แนวธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา แม่น้ำ จะปลอดภัยกว่า

4.การล้างมือบ่อย ๆ

โรคที่ติดเชื้อที่พบบ่อยในฤดูหนาว ส่วนหนึ่งมาจากแบคทีเรียที่มือเราสัมผัสสิ่งต่าง ๆ แล้วจับอาหาร จึงติดเชื้อในลำไส้ ทำให้ท้องเสีย และเสี่ยงเป็นโรคผิวหนังด้วย การล้างมือบ่อย ๆ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้ห่างไกลโรคได้ โดยต้องล้างให้สะอาดระหว่างง่ามนิ้วเล็บและบริเวณข้อมือด้วย

5.สวมเสื้อผ้าหนาเพียงพอ

การที่อากาศหนาวเย็นกว่าปกติ จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้น สวมถุงเท้าและหมวกไหมพรมในเวลานอน ก็จะช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ต้องมีคนดูแลเพิ่มผ้าพันคอไหมพรม และใส่ชุดคลุมแขนยาวเสมอเมื่อต้องออกนอกบ้าน

การดูแลสุขภาพใน ช่วงฤดูหนาว ต้องใส่ใจทั้งการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อจากผู้อื่น เลือกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้เพื่อการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคในช่วงฤดูหนาวได้ทุกครอบครัว

วิธีใดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

ดูแลสุขภาพอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคช่วงฤดูหนาว

ดูแลสุขภาพอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคช่วงฤดูหนาว

โดยปกติแล้ว ในช่วงปลายปีและต้นปี อากาศจะหนาวกว่าช่วงอื่น ๆ ในทุกภาค ซึ่งกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าคนวัยทำงาน เพราะภูมิต้านทานที่อ่อนแอ หากมีการติดเชื้อเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะมีอาการลุกลามบานปลาย เช่น จากไข้หวัด กลายเป็นโรคปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่ได้

วิธีที่ช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

1. การสวมใส่เสื้อผ้าหนา

การนุ่งห่มร่างกายด้วยเสื้อผ้าที่หนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืนเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม โดยเด็กและผู้สูงอายุผิวจะแห้ง ระคายเคืองง่าย จึงควรให้สวมใส่เสื้อผ้าแขนยาวและสวมถุงเท้า เพื่อช่วยในการรักษาอุณหภูมิตามศาสตร์แพทย์แผนจีน หากมีการออกนอกบ้าน ควรให้พันคอด้วยผ้าไหมหรือสวมหมวกไหมพรม จะป้องกันอาการหวัดมีน้ำมูกหรือเป็นไข้ได้ดีขึ้น

2. รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ควรเสริมวิตามินซีจากธรรมชาติ คือ ส้ม มะเขือเทศ มะนาว ฝรั่ง รวมถึงผักใบเขียว ที่มีการวิจัยว่าสามารถเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยต่อต้านการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น หากไม่สะดวกจะรับประทานวิตามินซีแบบเม็ดวันละ 500 ถึง 1000 มิลลิกรัม ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 5-10 บาท ก็จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากปัญหาสุขภาพในช่วงฤดูหนาวได้ดีขึ้น

3. ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ

ในช่วงอากาศเย็น โดยเฉพาะคนที่อยู่ภาคเหนือ จะนิยมดื่มชาร้อนตลอดวัน เพื่อช่วยให้ควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น หรือเลือกดื่มน้ำผลไม้สูตรร้อน เช่น น้ำมะตูม น้ำขิง น้ำเก๊กฮวยช่วงเช้าและบ่าย ก็จะช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ที่สำคัญควรงดเว้นการดื่มน้ำเย็นหรือน้ำแข็งในช่วงนี้ด้วย

4. เพิ่มการเผาผลาญด้วยการออกกำลังกาย

การกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายด้วยการออกกำลังกายต่อเนื่อง 15-30 นาทีทุกวัน โดยเฉพาะตอนเช้า จะทำให้ร่างกายมีการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ให้สมดุลอยู่เสมอ ระบบฮอร์โมนและสารเคมีจะทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังได้กระตุ้นการเผาผลาญ เสริมสร้างความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติได้ โดยควรเลือกให้เหมาะกับวัย เช่น การเดิน การเล่นโยคะ ฯลฯ

การดูแลสุขภาพ ให้กับทุกคนในครอบครัวในช่วงฤดูหนาวเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก ผู้สูงอายุ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ทางการแพทย์ยังแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ในช่วงที่มีการระบาดด้วย

อย่าลืมว่า การช่วยกันใส่ใจดูแลให้ตัวเองและคนรอบข้างให้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง จะทำให้อารมณ์แจ่มใสและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ วัน

วิธีใดที่ช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

รอให้ถึงเวลา ดูแลสุขภาพ ก็อาจจะสายเสียแล้ว

ความสะดวกทำให้เสียสุขภาพ

“สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” คำกล่าวที่ดูเหมือนจะเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันเป็นอย่างมาก น่าแปลกที่คนเรารู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังทำ ยังทำในที่นี้หมายถึงทำร้ายตัวเองด้วยวิธีสารพัดไม่ต่างอะไรกับการเติมน้ำมันรถยนต์ผิดประเภท เป็นเครื่องเบนซินแต่ไปพลาดเติมน้ำมันดีเซล ร่างกายคนเราก็ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ และเป็นเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน มูลค่าสูงกว่ารถสปอร์ตหรูราคาสิบล้าน

นับตั้งแต่วัยเด็ก คนเราก็ถูกธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร ป้อนพลังงานที่ไม่เหมาะสมเข้าร่างกายแบบไม่รู้ตัว ทั้งขนมหวาน ลูกอม ขนมกรุบกรอบที่มีไขมันสูง อาหารจานด่วน ไอศกรีม รวมถึงน้ำอัดลมและน้ำหวาน ไม่นับถึงวัฒนธรรมการกินอาหารปิ้งย่างที่นำภัยร้ายเข้าสู่ร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่า โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง จะปรากฏแก่กลุ่มคนที่มีอายุน้อยลง ๆ เหตุเพราะการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมนี้เอง

ความสะดวกทำให้เสียสุขภาพ

นอกจากอาหารที่กินเข้าไปอย่างไม่เหมาะสมแล้ว ยังมีการออกกำลังกายที่น้อยลงด้วย จากพฤติกรรมเสพติดเทคโนโลยี รายการทีวีและสมาร์ทโฟน การเล่นเกมก็ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายน้อยลงมาก ซึ่งต่างจากการละเล่นสมัยก่อนที่เน้นการเคลื่อนไหวของสายตาและร่างกาย นอกจากนี้วัยผู้ใหญ่ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งรถยนต์ บันไดเลื่อน ลิฟต์ ทำให้โอกาสในการออกกำลังกายก็ลดน้อยลง

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องเร่งรีบทุกอย่างรวมถึงการกินที่เคี้ยวเร็วเกินไป การกินข้าวคำน้ำคำ กินไปคุยไป และการปรุงรสที่มากเกินพอดี ยิ่งทำให้อาหารไม่ย่อย เกิดลมในกระเพาะ การได้รับโซเดียมสูงจากเครื่องปรุงรสและน้ำซุปต่าง ๆ และยังมีความเสี่ยงจากอาหารเป็นพิษ หากบังเอิญกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะมีเชื้อโรคปน ก็ทำให้สุขภาพอยู่ในความเสี่ยง

ด้วยภาวะความเสี่ยงด้านต่าง ๆ จะกลายเป็นชนวนก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาในระยะเวลาที่ร่างกายมีอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพลดลง หรือพักผ่อนน้อยจากความเครียดในการทำงานและใช้ชีวิต ซึ่งหลายคนก็ถือว่าอาจจะสายเกินไปแล้วที่จะแก้ไขให้สุขภาพกลับมาดีดังเดิม หรือถ้าแก้ไขได้ก็ทำให้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลราคาแพงอีก

จะดีกว่าไหม ถ้าคนเราจะคำนึงถึงสุขภาพกันตั้งแต่วันนี้ โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการของโรคปรากฏ แต่หันมาดูแลการกินและการอยู่ของตนเองว่าควรจะปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง อะไรที่ทำผิดแนวทางอยู่ก็ปรับเปลี่ยนเสียใหม่ หลายคนอาจจะปรับชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือถ้าจิตใจเข้มแข็งพอ แต่บางคนก็ต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เริ่มจากการมองตัวเองในกระจก วัดรอบเอวว่าได้กี่นิ้ว ไปตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีที่โรงพยาบาล รวมถึงสุขภาพในช่องปาก แล้วจดบันทึกเพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาตนเอง จะทำให้มีกำลังใจดูแลสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง

รอให้ถึงเวลา ดูแลสุขภาพ ก็อาจจะสายเสียแล้ว

วิธีดูแลสุขภาพในฤดูฝน

1.ดื่มน้ำ

ในแต่ละวันเราควรเดิมน้ำเปล่าให้เยอะ ๆ หรือวันละ 8 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย และยังช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อโรค ไม่เป็นหวัดง่าย

2.นอนพักผ่อนร่างกาย

เราควรนอนหลับพักผ่อนร่างกายอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากใครที่มีปัญหาในการนอนหลับ เช่น หลับยาก ให้รับประทานกล้วย เพราะในกล้วยจะมี ทริปโตเฟน ช่วยให้เราหลับง่ายขึ้นนั่นเอง

3.พกร่มและเสื้อกันฝน

ช่วงฤดูฝน ควรจะร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวเวลาออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันร่างกายไม่ให้เปียกฝน เพราะฝนคือสาเหตุของการเป็นไข้หวัด

4.ห้ามให้ยุงกัด

ในฤดูฝน โรคไข้เลือดออกระบาดมาก จึงควรป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด เช่น การกางมุ้งนอน หรือทาโลชั่นกันยุง ช่วยไล่ยุงได้

5.รับประทานอาหารที่ปรุงสุก

ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ เพราะไม่งั้นอาจเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ง่าย หรืออาจเป็นอาหารเป็นพิษ

วิธีดูแลสุขภาพในฤดูฝน

สีของปัสสาวะ บ่งบอกถึงสุขภาพได้

สีของปัสสาวะ

ฟังดูน่าตกใจสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ทำไมหนอ สีของปัสสาวะตัวเรานั้นจึงบ่งบอกเรื่องของสุขภาพภายในร่างกายในระดับเบื้องต้นได้ ปัสสาวะนั้นคือการขับของเสียออกจากร่างกาย เราเคยสังเกตไหมว่าบางทีเราก็จะปัสสาวะในสีเข้มเหลืองจนเกินไป บางคนออกจะเป็นสีส้มเลยด้วยซ้ำ อันนั้นเข้าขั้นสุขภาพย่ำแย่แล้ว บางคนปัสสาวะออกมาได้มีสีขาวใกล้เคียงกับน้ำเปล่ามากที่สุด

สำหรับสีของปัสสาวะนั้น แท้จริงแล้วมันบ่งบอกได้แค่ระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี มันยังดีกว่าที่เราจะต้องมานั่งตรวจร่างกายภายในของเราว่าเป็นโรคอะไร หรือตอนนี้สุขภาพเราแย่ส่วนไหน หากว่าเราเป็นคนดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะของเราจะมีสีค่อนข้างเข้มเหลือง ยิ่งกินน้ำตาลเยอะ กิน อะไรก็ตามที่ไตจะต้องทำงานอย่างหนัก บ่อยครั้งก็จะออกมาเป็นสีเหลืองเข้ม บางคนปัสสาวะออกมาเป็นเลือด อันนั้นอาจจะเป็นระบบภายในไม่ค่อยดีแล้ว ควรจะรีบไปหาหมออย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันโรคนั้นจะลามคุกคามในร่างกายของเรามากยิ่งขึ้น

ส่วนถ้าเกิดว่าเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เจ็บป่วยอะไรแต่ผิดสังเกตที่ปัสสาวะมีสีเข้มบ่อยครั้ง แนะนำให้เรารู้จักทันน้ำเปล่าใหม่มากๆ เปิดไปขับของเสียออกมา นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอและเหมาะสมในแต่ละวันยังช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้นอีกด้วย คนที่มีปัสสาวะสีเข้ม ส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะดื่มน้ำเปล่า จะทานแต่น้ำหวานหรืออาหารอะไรก็ตามที่มันทำให้ไตของเราทำงานหนักแล้วขับออกมาทางปัสสาวะนั่นเอง

ทานน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน

เพื่อสุขภาพที่ดี ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันและมาสังเกตสีปัสสาวะของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เพื่อเป็นการตรวจสอบสุขภาพระบบภายในของเราเบื้องต้นว่า ตอนนี้ร่างกายของเราทำงานหนักหรือเปล่า ไตต้องเหนื่อยมากไปไหม หรือมีอะไรไม่ดีหรือเปล่าในร่างกาย พยายามให้สีปัสสาวะอยู่ในเกณฑ์ออกเหลืองอ่อนหรือขาวให้ได้ มันเป็นตัวบ่งบอกว่าเวลานี้สุขภาพของเรายังโอเคอยู่ในระดับเบื้องต้นยังไงล่ะ