การออกกำลังกาย

เคล็ดลับ 10 ประการในการดูแลร่างกายเพื่อให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง

เคล็ดลับ 10 ประการในการดูแลร่างกายเพื่อให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง

1.ขยับร่างกาย ตั้งเป้าออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีเกือบทุกวันในสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยให้อารมณ์ การนอนหลับ และระดับพลังงานของคุณดีขึ้น รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังด้วย

2.รับประทานอาหารที่สมดุล เติมจานของคุณด้วยผลไม้ ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ด เลือกแหล่งโปรตีนไร้มัน เช่น ปลา ถั่ว และสัตว์ปีก จำกัดไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารแปรรูป และน้ำตาลที่เติมเข้าไป

3.รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น ดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวัน ตั้งเป้าดื่มน้ำแปดแก้วต่อวัน แต่ปรับตามระดับกิจกรรมและสภาพอากาศของคุณ

4.นอนหลับให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

5.จัดการความเครียด ค้นหาวิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการความเครียด เช่น โยคะ การทำสมาธิ หรือการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณได้

6.ท้าทายสมองของคุณ ทำให้สมองของคุณกระตือรือร้นโดยการเรียนรู้สิ่งใหม่ เล่นเกม และการอ่าน

7.เชื่อมต่อกับผู้อื่น การเชื่อมโยงทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพจิต หาเวลาให้กับเพื่อนและครอบครัว และเข้าร่วมชมรมหรือกลุ่มที่คุณสนใจ

8.รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและคัดกรองเป็นประจำ สิ่งนี้สามารถช่วยระบุและป้องกันปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

9.ห้ามสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเสียชีวิตที่ป้องกันได้ ถ้าคุณสูบบุหรี่ให้เลิก ถ้าไม่สูบบุหรี่ก็อย่าเริ่ม

10.จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ รวมถึงความเสียหายของตับ โรคหัวใจ และมะเร็ง

การผสมผสานนิสัยเหล่านี้เข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ จะช่วยสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ นำไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น

เคล็ดลับสุขภาพแข็งแรง ของคนวัยเกษียณอายุ

เคล็บลับสุขภาพแข็งแรง ของคนวัยเกษียณ

1.เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ

 ออกกำลังกายเป็นประจำหรือทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับความฟิตและความสนใจของคุณ กิจกรรมต่างๆ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ โยคะ หรือไทชิสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดโดยรวม

2.รักษาสมดุลของอาหาร

เน้นการบริโภคผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนไม่ติดมัน และไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จำกัดอาหารแปรรูป ขนมหวาน และเกลือที่มากเกินไป การให้ความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอยังมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

3.รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

 นัดหมายกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเป็นประจำเพื่อตรวจคัดกรอง ฉีดวัคซีน และติดตามสภาวะสุขภาพที่มีอยู่ การตรวจพบและการรักษาแต่เนิ่นๆ มักจะสามารถป้องกันหรือจัดการปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้

4.มีส่วนร่วมกับสังคมอยู่เสมอ

การรักษาสายสัมพันธ์ทางสังคมอาจส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ดี เข้าร่วมชมรม อาสาสมัคร มีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน หรือใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง ความเหงาและการแยกตัวทางสังคมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น การติดต่อสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ

5.จัดลำดับความสำคัญของสุขภาพจิต

 การเกษียณอายุอาจนำมาซึ่งความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ หาเวลาทำกิจกรรมดูแลตัวเองที่ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี เช่น การทำสมาธิ ฝึกสติ ทำงานอดิเรก หรือใฝ่หาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือกังวลเรื่องสุขภาพจิตอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

6.นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ตั้งเป้านอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน สร้างกิจวัตรการนอนหลับให้เป็นปกติ สร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่สบาย และจำกัดสิ่งกระตุ้น เช่น คาเฟอีนก่อนนอน การนอนหลับที่ดีนั้นจำเป็นต่อสุขภาพโดยรวม ความรู้ความเข้าใจ และระดับพลังงาน

7.ฝึกฝนการจัดการกับความเครียด

 ค้นหาวิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการกับความเครียด เช่น ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย ฝึกหายใจลึกๆ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสุขและความสงบ ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ

8.ปกป้องผิวของคุณ

 เมื่ออายุมากขึ้น ผิวของคุณจะไวต่อการทำลายจากแสงแดดมากขึ้น ทาครีมกันแดดเป็นประจำ สวมชุดป้องกันและหาที่ร่มในช่วงเวลาที่มีแดดจัดเพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัย

9.ทำจิตใจให้ตื่นอยู่เสมอ

 มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่กระตุ้นสมองของคุณ เช่น อ่านหนังสือ ไขปริศนา เล่นเครื่องดนตรี หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ การรักษาความคิดของคุณให้กระฉับกระเฉงสามารถช่วยรักษาการทำงานของการรับรู้และลดความเสี่ยงของการลดลงของความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับอายุ

10.ฟังร่างกายของคุณ

ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงหรืออาการที่ร่างกายของคุณอาจประสบ สิ่งสำคัญคือต้องจัดการทันทีและขอคำแนะนำทางการแพทย์หากจำเป็น การตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอและการรับรู้ถึงสัญญาณของร่างกายสามารถนำไปสู่การตรวจหาและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

โปรดจำไว้ว่านี่เป็นคำแนะนำทั่วไป และขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเสมอ เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคลตามความต้องการด้านสุขภาพและประวัติทางการแพทย์ของคุณ

4 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณเป็นสาวสุขภาพดี

4 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณเป็นสาวสุขภาพดี

เชื่อได้ว่า หลายคนคงเคยได้ยินกับประโยคที่ว่า “สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง” ซึ่งผลพลอยได้จากการมีสุขภาพดีนั้น นอกจากจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังส่งผลไปถึงสุขภาพจิตที่จะสดชื่น เบิกบาน อารมณ์ดีอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สาว ๆ ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสาวผิวสวยสุขภาพดี เราจึงมี 4 เคล็ดลับมาแนะนำกัน…

1.เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์
“You are what you eat” เป็นประโยคสุด Classic ที่ใช้ได้มาอย่างยาวนาน เพราะสิ่งที่คุณรับประทานเข้าไปนั้น ย่อมส่งผลกับสุขภาพของคุณโดยตรง เช่น ถ้าคุณทานผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะส่งผลให้คุณมีน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นได้ แม้จะเป็นผลไม้ก็ตาม เป็นต้น เพราะฉะนั้น นอกจากคุณควรจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นทานโปรตีนและลดอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูงแล้ว คุณควรจะทานอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปนั่นเอง

2.หาเวลาออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย เป็นเรื่องสำคัญหากคุณต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายและระบบอื่น ๆ ทำงานได้ดี ส่งผลให้คุณรู้สึกสดชื่นแจ่มใส มีพลังกาย พลังใจที่ดีขึ้น โดยขอแนะนำให้คุณหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน และอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายก็คือ พยายามหาประเภทการออกกำลังกายที่คุณชื่นชอบให้เจอ เพื่อทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่คุณรอคอยและอยากที่จะทำ

3.เพิ่มพลัง (คิด) บวก
การคิดบวก จะช่วยคุณในเรื่องของการขจัดความเครียดซึ่งเจ้าความเครียดนี้มีผลต่อการทำให้สุขภาพคุณแย่ลงได้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คร่ำเครียดอยู่กับงาน หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อยากให้คุณหาวิธีการผ่อนคลายและเพิ่มพลังชีวิต คิดบวกให้กับตัวคุณเองด้วย

4.พักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
การพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรละเลยหากว่าอยากจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี สดชื่นแจ่มใส เพราะการนอนพักผ่อนจะช่วยให้คุณผ่อนคลายและร่างกายจะหลั่งสารต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งหากอู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ด้วยแล้ว การพักผ่อนให้เต็มที่จะทำให้ร่างกายเติบโตได้ตามที่ควรจะเป็นอีกด้วย

สำหรับ 4 เคล็ดลับที่นำมาฝากกันในวันนี้ หากคุณามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ก็จะทำให้คุณมีความสุขกาย สุขใจ ที่มาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงได้อย่างแน่นอน

ดูแลร่างกายอย่างไรให้สุขภาพดีตลอดปี

ดูแลร่างกายอย่างไรให้สุขภาพดีตลอดปี

สุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ซึ่งมาจากการใส่ใจสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องของการเลือกกินอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการทำงานอย่างเหมาะสมด้วย

เรามาดูกันว่า ถ้าคุณต้องการสุขภาพดี จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรกันบ้าง

1.รับประทานอาหารที่ดี
การรับประทานอาหารนอกจากต้องอิงตามหลัก 5 หมู่ให้ครบทั้งแป้ง โปรตีน ไขมัน ผัก ผลไม้ เพื่อให้ได้วิตามินเกลือแร่ครบถ้วนแล้ว ยังจำเป็นต้องดูแหล่งที่มาและกรรมวิธีทำอาหารด้วย ควรเลือกแบบปลอดสารพิษหรือ organic โดยเฉพาะผักผลไม้ที่อาจมีราคาแพงขึ้น จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่ามาจากแหล่งเพาะปลูกที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังต้องล้างทำความสะอาดแช่น้ำส้มสายชูหรือน้ำด่างทับทิมก่อนนำมาปรุงอาหารเพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนด้วย

ในด้านของโปรตีน ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์หมุนเวียนให้หลากหลาย เช่น เนื้อปลา ไก่ วัว และเนื้อหมู ลดการรับประทานหนังและเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

2.การออกกำลังกาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพให้คำแนะนำว่า เราควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที หรือวันเว้นวัน วันละ 30 นาที เพื่อกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ปรับสมดุลของระบบหัวใจหลอดเลือดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจ ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ หากออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มที่จะลดปริมาณการใช้ยาลงได้

การออกกำลังกายในปัจจุบันที่นิยม ได้แก่ การวิ่งบนลู่ กระโดดเชือก การว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ซึ่งสามารถทำควบคู่กับการเปิดคลิป YouTube ที่คุณชอบไปพร้อมกันด้วย

3.การทำงานที่เหมาะสม
การทำงานที่ดีต่อสุขภาพต้องไม่นั่งทำงานต่อเนื่องนานเกิน ควรมีช่วงระยะพัก เช่น ทุก 1 ชั่วโมงไปยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ รับประทานอาหารว่าง ฯลฯ จะลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมที่ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้ออักเสบ รวมถึงสร้างปัญหาปวดหลัง ไหล่ นิ้วอย่างเรื้อรัง ทั้งนี้ ต้องควบคุมเวลาการทำงานไม่เกินวันละ 8-10 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเครียดและโรคซึมเศร้าในระยะยาวด้วย

นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานยกของหนักก็ควรใช้เครื่องพยุงหรือเสื้อสวมกระจายแรงที่หลังและเอว ส่วนกรณีที่ต้องทำงานร่วมกับบุคคลต่าง ๆ ในที่สาธารณะ ในระยะนี้ ก็จำเป็นต้องป้องกันตัวเองจากไวรัส covid-19 ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่บ่อย ๆ ด้วย

จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพให้ดีตลอดทั้งปี มาจากการใส่ใจตัวเองอย่างรอบด้านในทุกวัน หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเอง เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เป็นสุข

วิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคความดันโลหิตสูง

ดูแลร่างกายให้ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยและคนทั่วโลกอย่างมาก ซึ่งเดิมทีจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุวัยหลังเกษียณ ซึ่งเกิดจากความเสื่อมโทรมของร่างกายตามธรรมชาติ แต่มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่า ในปัจจุบัน กลุ่มคนที่อายุน้อยลง เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน เป็นภาวะความดันโลหิตสูงมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การบริโภคที่ไม่เหมาะสมและการขาดการออกกำลังกาย

ดูแลร่างกายให้ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูง

การออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายจะช่วยในการสร้างสมดุลของระบบหัวใจและหลอดเลือด ให้ทำงานเป็นปกติยิ่งขึ้น ช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน รวมถึงลดระดับไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด หรือโคเรสเตอรอลที่อุดตันหลอดเลือดทำให้เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง เป็นประจำสม่ำเสมอหรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ตามความเหมาะสมของพื้นฐานสุขภาพแต่ละคน จะทำให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ 120/80 มากยิ่งขึ้น

การควบคุมอาหาร อาหารบางชนิดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงจากพันธุกรรมอยู่แล้ว จากการมีประวัติของคนในครอบครัว จึงต้องลดการบริโภคลง ได้แก่ อาหารที่มีเกลือเข้มข้นสูง เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำปลาร้า ซอสมะเขือเทศ รวมถึง อาหารที่ใส่ผงฟู เช่น ขนมปัง เค้ก คุ้กกี้ หรือผงชูรสในอาหาร หากประกอบอาหารเอง ต้องลดสัดส่วนของสารที่กล่าวมาอย่างน้อย 1 ในสาม ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

การฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง การมีปัญหาความเครียดสะสม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หลอดเลือดหดเกร็งตัว แล้วไปเพิ่มระดับความดันโลหิตสูงให้สูงขึ้น ซึ่งเราอาจเคยได้ยินข่าวว่าผู้ที่มีความเครียดมากจนทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น จนอาจเกิดภาวะหัวใจวายได้ การฝึกจิตใจด้วยการปล่อยวางความเครียด อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป และให้เวลากับการพักผ่อนให้มากขึ้น จะทำให้ลดภาวะเครียดได้ดียิ่งขึ้น

เลิกการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายได้รับสารนิโคตินในปริมาณสูง ทำให้หลอดเลือดสูญเสียคุณสมบัติด้านการยืดหยุ่นที่ดีไป และยังได้รับสารอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นถี่ขึ้น เกิดการหลั่งสารอะดรีนาลีนซึ่งทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการที่จะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ก็ควรลดการสูบบุหรี่ลงด้วย หรือถ้าเลิกสูบบุหรี่ได้ จะยิ่งดีมาก

เราหวังว่าบทความนี้จะให้แนวทางในการดูแลสุขภาพที่ดี เพื่อให้ทุกท่านนำไปปรับใช้ให้ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงได้ดียิ่งขึ้น

โรคความดันโลหิตสูง

ดูแลสุขภาพอย่างไรจึงแข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

ดูแลสุขภาพอย่างไรจึงแข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

ในฤดูหนาว อากาศมักจะมีความเย็นกว่าปกติ ขณะเดียวกันก็อาจจะมีแดดและฝนร่วมด้วยในบางวัน ทำให้หลายคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง โดยเฉพาะเด็กผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบ มีอาการกำเริบและทำให้ทรุดหนักจากการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ เรามาดูกันว่าจะมีวิธีใดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ป้องกันโรคภัยในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

1.รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักกาดเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม มะนาว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ฝรั่ง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

2.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายในช่วงฤดูหนาวเป็นเรื่องที่ยากสำหรับหลายคน เพราะอากาศดีน่านอน แต่ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องแบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเช่น การเดินเร็ว กระโดดเชือก ปั่นจักรยานหรือเดินแกว่งแขน สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ลดความอ้วนไปในตัวด้วย

3.การหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน

ในช่วงที่อากาศเปลี่ยน หากมาอยู่รวมกันในที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ร้านอาหารห้องแอร์ ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี จะมีโอกาสได้รับเชื้อโรคนานานชนิดเข้าสู่ร่างกายมาก ซึ่งในช่วงฤดูหนาวจะเป็นเวลาที่หลายคนพากันไปเที่ยวกับครอบครัว จึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังสุขภาพมากขึ้น ควรเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ เช่น แนวธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา แม่น้ำ จะปลอดภัยกว่า

4.การล้างมือบ่อย ๆ

โรคที่ติดเชื้อที่พบบ่อยในฤดูหนาว ส่วนหนึ่งมาจากแบคทีเรียที่มือเราสัมผัสสิ่งต่าง ๆ แล้วจับอาหาร จึงติดเชื้อในลำไส้ ทำให้ท้องเสีย และเสี่ยงเป็นโรคผิวหนังด้วย การล้างมือบ่อย ๆ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้ห่างไกลโรคได้ โดยต้องล้างให้สะอาดระหว่างง่ามนิ้วเล็บและบริเวณข้อมือด้วย

5.สวมเสื้อผ้าหนาเพียงพอ

การที่อากาศหนาวเย็นกว่าปกติ จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้น สวมถุงเท้าและหมวกไหมพรมในเวลานอน ก็จะช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ต้องมีคนดูแลเพิ่มผ้าพันคอไหมพรม และใส่ชุดคลุมแขนยาวเสมอเมื่อต้องออกนอกบ้าน

การดูแลสุขภาพใน ช่วงฤดูหนาว ต้องใส่ใจทั้งการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อจากผู้อื่น เลือกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้เพื่อการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคในช่วงฤดูหนาวได้ทุกครอบครัว

วิธีใดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระชับสัดส่วนได้

การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ชายหญิงที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย บางคนจะมีความรู้สึกท้อแท้ในร่างกายของตัวเอง เนื่องจากว่ามีรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาและหนังไม่เต่งตึงกระชับเหมือนสมัยวัยรุ่นเอาเสียเลย ยิ่งถ้าเป็นคนอ้วนด้วยแล้วนั้นจะยิ่งหย่อนยานผิดปกติ พื้นฐานของชีวิตมนุษย์เราเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็จะสึกหรอเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา การที่จะให้ร่างกายของคนแก่มาฟิตเฟิร์มกระชับเหมือนกับวัยรุ่นนั้นเป็นไปได้ยาก แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่สามารถบรรเทาลงได้เลย

การออกกำลังกายนั้นจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการยกกระชับสัดส่วนของตัวเรา ทั้งในเรื่องสะโพก หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และส่วนอื่นๆอีกมากมายตามร่างกาย ลองสังเกตดูว่าคนแก่ที่หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกับคนแก่ที่ปล่อยตัวเองร่วงโรยไปตามกาลเวลา ความเหี่ยวย่นของผิวหนังนั้นจะต่างกันอย่างมาก บางทีผู้ที่มีอายุสูงวัยเข้า 60 ปีขึ้นอาจจะมีร่างกายฟิตกระชับดูดีไม่ต่างจากวัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะคนสูงวัยท่านนั้นได้มันออกกำลังกายและดูแลสัดส่วนให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ

ความดูดี เป็นของแถมจากการหมั่นออกกำลัง

สิ่งที่เขาคาดหวังนั้นหลักๆส่วนมากถ้าเป็นคนสูงวัย จะคาดหวังในเรื่องของสุขภาพที่ดี เวลาไปหาหมอ มีโรคแทรกซ้อนขึ้นมา จะเป็นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ หรือโรคอื่นๆที่เกิดขึ้นได้ง่ายกับผู้สูงวัย หมอก็มักจะให้ผู้สูงวัยเหล่านั้นมันรู้จักการออกกำลังกายให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับการเผาผลาญ ได้รับการสร้างกล้ามเนื้อ และสิ่งที่ได้พ่วงมานั่นก็คือความดูดีและกระชับ คนที่รักสุขภาพนั้นน้อยคนนักที่จะมีร่างกายอ้วนหรือผอมแห้งจนเกินไป ส่วนใหญ่จะมีกล้ามและสัดส่วนที่ดูเว้า กระชับ ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดี

ยิ่งถ้าเป็นชายหญิงวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีหน้าตาดีด้วยแล้ว จะยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างทวีคูณเลยทีเดียว ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้หวังว่าเราจะต้องดูดีต่อคนอื่น แต่การหมั่นออกกำลังกาย นั้นย่อมดีกับสุขภาพของตัวเราเองอยู่เสมอ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ใครใครก็ทำได้ อยากดูดี อยากสุขภาพดี ไม่อยากเสียงเงินให้หมอทีละหลาย 10,000 หรือจะต้องเป็นหลัก 1,000,000ในกรณีที่เราต้องเป็นโรคเจ็บใครได้ป่วยร้ายแรง ก็ควรรู้จักดูแลสุขภาพให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ