สุขภาพ

อาหารที่มีฤทธิ์ด่างช่วยเปลี่ยนสมดุล pH ของร่างกาย ได้จริงหรือไม่

อาหารที่มีฤทธิ์ด่างช่วยเปลี่ยนสมดุล pH ของร่างกาย ได้จริงหรือไม่

ในช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายที่กล่าวถึงประโยชน์ของอาหารด่างหรืออาหารที่มีค่า pH ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในช่วงที่มากกว่า 7 ซึ่งในทางโภชนศาสตร์จะเรียกว่า อาหารอัลคาไลน์ ที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำดื่มที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ที่นำเสนอมากมายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพได้ซื้อหา ดังนั้นเราจะเปิดมุมมองในเชิงวิทยาศาสตร์ และนำเสนอข้อเท็จจริงในอีกแง่มุม ถึงผลลัพธ์และคุณประโยชน์ในเชิงของผลกระทบที่มีต่อร่างกายของผู้ที่รับประทานอาหารด่าง

อาหารที่มีฤทธิ์ด่างช่วยเปลี่ยนสมดุล pH ของร่างกาย ได้จริงหรือไม่

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับอาหารด่าง ว่าเป็นอาหารประเภทอะไร ในทางวิทยาศาสตร์เมื่อเราบริโภคอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะนำอาหารไปใช้ โดยผ่านกระบวนการเผาผลาญ เกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงอาหารเหล่านี้ไปเป็นพลังงาน แล้วจะมีผลพลอยได้เป็นของเสีย ซึ่งจะถูกขับถ่ายออกทางระบบปัสสาวะ โดยของเสียที่เกิดขึ้นจากอาหารประเภทต่าง ๆ ก็จะส่งผลทำให้ค่า pH ในปัสสาวะของเราแตกต่างกัน โดยอาหารที่เรียกว่าอาหารด่างนั้น หลังจากเกิดปฏิกิริยาการเผาผลาญของเสียที่ได้จากอาหารประเภทนี้ จะทำให้ค่า pH ของปัสสาวะของเรา มีค่าเป็นด่างนั่นเอง 

ตัวอย่างอาหารให้ของเสียที่ทำให้ปัสสาวะของเราเป็นด่าง ได้แก่ อาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการทั้งหลาย โดยเฉพาะผักสด ผลไม้ หรือน้ำผลไม้สกัดเย็น มันฝรั่ง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต สมุนไพรต่าง ๆ น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด เมล็ดเจีย เมล็ดเฟล็กซ์

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการเผาผลาญอาหารเหล่านี้จะส่งผลกับค่า pH ในปัสสาวะ แต่ในความเป็นจริง ในเรื่องของการรักษาสมดุลของค่า pH ซึ่งจะส่งผลกับสุขภาพโดยตรงนั้น จะไม่ใช่ค่า pH ในน้ำปัสสาวะ แต่เป็นค่า pH ในกระแสเลือด ซึ่งโดยปกติเลือดของคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์จะอยู่ในช่วงค่า pH ประมาณ 7.36 ถึง 7.44 หรือ เรียกได้ว่าเลือดจะมีลักษณะที่เป็นด่างเล็กน้อยอยู่เสมอ ในกรณีที่ค่าสมดุล pH ในเลือดของคุณไม่เหมาะสม คือมีลักษณะเป็นกรด จะเสี่ยงกับการเกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษา อีกทั้งยังเป็นบ่อเกิดของโรคบางอย่างอย่าง เช่น โรคเบาหวาน 

แต่ร่างกายของคนเราก็มีกลไกในการที่จะคงรักษาระดับค่า pH ของกระแสเลือดให้คงที่เป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นหากเราหยิบยกประเด็นที่ว่า อาหารด่างช่วยรักษาสมดุลของค่า pH ของร่างกาย และทำให้สุขภาพดีนั้น จึงถือว่าไม่ตรงกับกลไกโดยปกติของร่างกายนัก

เมื่อพิจารณาถึงประเภทชนิดของอาหารด่างตามที่กล่าวข้างต้น เราจะพบว่าอาหารเหล่านี้ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่สำหรับประเด็นการรักษาสมดุลค่า pH ของร่างกาย แต่ดีกับร่างกายในแง่เป็นอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป มีกากใยสูง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อน้ำด่างหรือรับประทานแต่อาหารด่างเท่านั้น การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ปรุงสุก สดใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อความมีสุขภาพที่ดีได้มากกว่านั่นเอง

สร้างสุขภาพดีแบบยั่งยืนด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้สมดุล

สร้างสุขภาพดีแบบยั่งยืนด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้สมดุล

เคยไหมที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาในการพักผ่อนหรือเกิดความเครียดในระดับที่เกินพอดีทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หลายคนเกิดอาการเจ็บป่วยทางร่างกายหรือในบางรายก็มีอาการทางด้านสุขภาพใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นควรที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะขอแนะนำการสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการจัดสรรตารางชีวิตให้มีความสมดุลและเหมาะสม จะมีวิธีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย

  • จัดการเคลียร์งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลางานเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดบังเวลาพักผ่อน ทั้งนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละอย่างว่าอะไรที่เร่งด่วนมีกำหนดส่งงานที่ชัดเจน ไม่สามารถเลื่อนได้เพื่อที่จะได้วางแผนทำงานนั้น ๆ ก่อนไม่มาเร่งงานเอาในวันสุดท้าย เพราะจะทำให้เกิดความเครียดและไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าที่ควร แม้ว่าดูจะเป็นเหมือนเรื่องง่าย ๆ แต่ก็ต้องอาศัยวินัยและการฝึกวางแผน ฝึกปฏิบัติอย่างเป็นประจำ
  • ปรับเวลาการนอนหลับพักผ่อนให้มีความเหมาะสม แม้ว่าเป็นวันหยุดแต่การนอนดึกตื่นสายก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ควรจัดสรรเวลาในการนอนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาอย่างสดใส ทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างสูตรที่หลายคนนำไปใช้กันนั่นก็คือ 8:8:8 แบ่งเป็นการนอนหลับพักผ่อน 8 ชั่วโมง การทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ในแต่ละวันอีก 8 ชั่วโมง และชั่วโมงการทำงานจริงจังอีกประมาณ 8 ชั่วโมง ใครที่สามารถทำได้ดังสูตรข้างต้น ความเครียดหรือปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็สามารถดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
  • วางแผนชีวิตในหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี เพื่อให้สามารถเห็นเป้าหมายของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ชีวิตในแบบที่ต้องการเป็นแบบไหน ต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้างในช่วงระยะเวลานั้น ๆ รวมถึงเป้าหมายทางสุขภาพที่ดีด้วย เมื่อได้วางแผนอย่างจริงจังจะทำให้เราใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ  
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละประมาณ 3-5 ครั้งเพื่อส่งเสริมให้สุขภาพกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น การออกกำลังกายที่เหมาะสมก็ถือเป็นการผ่อนคลายที่ดีมาก ๆ วิธีหนึ่ง เนื่องด้วยจะมีการหลั่งสารที่ทำให้มีความสุข ใครที่อยากมีจิตใจสดชื่นแจ่มใสและหุ่นเฟิร์มล่ะก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ

ไม่ยากเลยใช่ไหมสำหรับวิธีในการจัดสรรเวลาในตารางชีวิตให้เกิดความสมดุล แต่ละวิธีเป็นวิธีที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตของแต่ละคนได้จริง ซึ่งสำหรับใครที่ยังไม่สามารถทำได้ทุกข้อก็สามารถที่เลือกข้อที่สามารถเหมาะสมสำหรับตนเองเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ รับรองว่าสุขภาพดี ๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างแน่นอน

การดูแลทารกแรกเกิดให้สุขภาพกายใจดีตั้งแต่แบเบาะ

การดูแลทารกแรกเกิดให้สุขภาพกายใจดีตั้งแต่แบเบาะ

ทารกเป็นวัยที่บอบบางไม่สามารถสื่อสารหรือช่วยเหลือตัวเองได้ พ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและต้องคอยสังเกตอาการ-พฤติกรรมลูกตลอดเวลา ทารก มีความหมายถึงเด็กในช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี ทารกที่อยู่ในช่วงแรกเกิด – 1 เดือน จะเรียกว่าทารกแรกเกิด ซึ่งในช่วงวัยนี้พ่อแม่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต้องศึกษาวิธีสังเกต เรียนรู้ขั้นตอนการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้องและทำให้ทารกสมบูรณ์ที่สุด 

โดยมีวิธีการดูแลทารกแรกเกิดที่ไม่ควรมองข้ามหลัก ๆ มีดังนี้

1. การอุ้ม 

สัมผัสที่สื่อได้ถึงความรัก ความอบอุ่นที่มีต่อทารก เป็นส่วนสำคัญของการดูแลจิตใจลูกน้อย ซึ่งการอุ้มทารกแรกเกิดมีอยู่ด้วยกัน 3 ท่าที่สำคัญ คือ อุ้มในท่าปกติ ให้ลูกรู้สึกสบาย อบอุ่น, อุ้มในท่าเรอ เพื่อไล่ลมออก และอุ้มปลอบ ทำให้ทารกรู้สึกสงบ ปลอดภัย

2. อาหาร 

ในช่วงวัยแรกเกิดจำเป็นต้องให้นมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพราะไม่มีอาหารชนิดใดที่ให้คุณค่าได้ดีเท่านมแม่อีกแล้ว และควรให้นมแม่ร่วมกับอาหารเสริมจนถึง 2 ปี โดยต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการให้ความรู้เรื่องอาหารเสริมที่ถูกต้องตามชนิดและช่วงวัย

3. อาบน้ำ 

สำหรับพ่อแม่มือใหม่ต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก ควบคุมอารมณ์ความตื่นเต้น ตระหนก ตกใจของตัวเองให้ดีไม่เช่นนั้นลูกจะรู้สึกไม่ปลอดภัย สถานที่ก็สำคัญต้องไม่อาบในที่มีลมผ่านมากเกินไป ควรอาบในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ 5 – 7 นาทีก็เพียงพอแล้ว และไม่ควรอาบน้ำทารกทันทีหลังให้นมเสร็จ เพราะทารกอาจจะไม่สบายได้

4. วัคซีน 

ปกติทารกแรกเกิดจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) และตับอักเสบบี ก่อนออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว พ่อแม่ต้องดูแลทำความสะอาดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ และใส่ใจวันมารับวัคซีนอื่น ๆ ตามใบนัดแต่ละช่วงวัยของลูก

5. พบแพทย์ 

ทารกวัยนี้ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ หากมีอะไรผิดปกติหรือพ่อแม่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ควรไปพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะอันตรายอาจเกิดขึ้นกับลูกได้ถ้ารักษาหรือแก้ไขไม่ทัน ปัจจุบันมีสายด่วนเกี่ยวกับแม่และเด็กมากมาย พ่อแม่ควรมีข้อมูลเบอร์โทรที่น่าเชื่อถือเพื่อสอบถามเบื้องต้นก่อนพบแพทย์ด้วย

ทารกแรกเกิดเป็นวัยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ นอกจากการดูแลในเรื่องของการอุ้ม, อาหาร, การอาบน้ำ, การรับวัคซีน และการพบแพทย์แล้ว ความสะอาด ต้องมีในทุกขั้นตอนเพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูก พ่อแม่จำเป็นต้องสังเกตลูกในทุก ๆ เรื่องตลอดเวลา เพราะทารกต้องปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่เมื่อคลอดออกจากท้องแม่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พ่อและแม่จะปรับตัวไปพร้อม ๆ กันกับลูก เพื่อให้ทารกเติบโตมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ในทุกด้าน จากการเอาใจใส่และดูแลด้วยความรัก ทำให้ได้รับความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยมั่นคง

การดูแลสุขภาพผิวในช่วงฤดูหนาว

การดูแลสุขภาพผิวในช่วงฤดูหนาว

สิ่งที่มาควบคู่กับความหนาวเย็นเสมอ ๆ เลยเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเราก็คือสภาพผิวที่แห้งลง บางคนผิวแห้งลงมากจนถึงขั้นแตกเป็นลายงาก็มี เมื่อเราทราบว่าความเย็นในฤดูหนาวมีผลทำให้ผิวเราแห้งลง สิ่งที่เราควรต้องทำก่อนที่ผิวจะแตกแห้งก็คือการดูแลสุขภาพผิวอย่างถูกต้อง อะไรบ้างคือการดูแลสุขภาพผิวอย่างถูกต้อง ? ลองไปฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดู

  1. พยายามอย่าอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น
    อากาศหนาวแบบนี้ อาบน้ำเย็นใครจะทนได้ คนส่วนใหญ่เลยหันไปอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนแทน แต่ทราบหรือไม่ว่ายิ่งเราอาบน้ำอุ่นมากเท่าไร ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ผิวเราจะยิ่งเสีย เพราะน้ำอุ่นจะเร่งให้ร่างกายสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวจะแห้งมากขึ้นต่างหาก
  2. อาบน้ำให้ไวขึ้น
    บางคนเคยชินกับการอาบน้ำนาน ๆ ถึงแม้ว่าเป็นฤดูหนาว ก็ยังอาบน้ำนานเหมือนเดิม การอาบน้ำนานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราควรลดเวลาการอาบน้ำลงสักนิดนึง อาบน้ำให้ไว้ขึ้น นอกจากไม่หนาวนานแล้ว ยังจะทำให้ผิวไม่แห้งมากอีกด้วย
  3. หลีกเลี่ยงการถูสบู่ได้ก็จะดี
    ในฤดูหนาวร่างกายเราเหงื่อออกน้อย การอาบน้ำโดยไม่ต้องถูสบู่ในบางครั้งก็เป็นการดีที่จะไม่ทำให้ผิวเราสูญเสียความชุ่มชื้น หรือหากไม่สบายใจ กลัวว่าจะไม่สะอาดก็ให้เลือกใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวจะดีกว่า
  4. อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำทันที
    ทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ในขณะที่ร่างกายยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ เราควรรีบทาครีมบำรุงผิวลงไปทั่วร่างกาย รวมไปถึงใบหน้าด้วย เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้คงอยู่ได้นานที่สุด
  5. หลีกเลี่ยงครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
    ครีมบำรุงผิวในท้องตลาดมีมากมายหลายชนิดและยี่ห้อ ครีมบำรุงผิวที่ดีที่เหมาะกับการใช้ทาลงบนร่างกายในฤดูหนาวก็คือครีมที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะมีผลทำให้ผิวของเราแห้งง่ายมากยิ่งขึ้น
  6. ควรพกลิปบาล์มติดตัวไว้เสมอ
    อวัยวะบริเวณที่แตกแห้งง่ายในร่างกายของเราอันหนึ่งก็คือ ริมฝีปาก ดังนั้นการพกลิปมันหรือลิปบาล์มติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อจะได้หยิบขึ้นมาทาได้สะดวกทุกครั้งที่รู้สึกว่าริมฝีปากเราเริ่มแห้งลง
  7. บำรุงผิวด้วยน้ำสะอาดและอาหาร
    การบำรุงผิวจากภายในร่างกายเราก็มีความสำคัญ ดังนั้นการทานอาหารที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี เช่น อาหารจำพวกปลาทะเล ถั่วหรือเนื้อไก่ จะช่วยเพิ่มไขมันดีที่มี Omega 3 ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผิวโดยตรง และที่สำคัญเราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันอีกด้วย
  8. หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ระคายผิว
    ในฤดูหนาวนอกจากเราต้องใส่เสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันความหนาวเย็น เราควรเลือกเสื้อผ้าที่ไม่ทำให้ผิวหนังของเราเกิดความระคายเคืองด้วย

ทั้ง 8 ข้อที่กล่าวมาเป็นคำแนะนำดี ๆ จากแพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลชั้นนำของไทย ซึ่งหากเราทำได้ตามนี้ รับรองว่าสุขภาพผิวในฤดูหนาวนี้ จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

กินอาหารตรงเวลาสำคัญต่อสุขภาพพอๆ กับสารอาหารครบถ้วน

กินอาหารตรงเวลาสำคัญต่อสุขภาพพอๆ กับสารอาหารครบถ้วน

พฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญ คนรักสุขภาพมักจะใส่ใจเรื่องอาหารที่ดีต่อร่างกาย สารอาหารครบถ้วน และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่มักลืมสังเกตไปว่าตนเองกินข้าวไม่ตรงเวลา การใช้ชีวิตตามใจกินอาหารตามความสะดวกหรือกินด้วยความรีบเร่งไม่เป็นผลดี สุขภาพที่ดีมาจากวินัยการกินซึ่งมีความสำคัญพอ ๆ กับสารอาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกาย เหตุใดการกินตรงเวลาจึงสำคัญ เรามีคำตอบให้ดังนี้

1.สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการมีระเบียบวินัย เลือกสารอาหารที่เหมาะสมมีครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และผักผลไม้ กินให้ตรงเวลาและนอนหลับให้เพียงพอ จะละเลยอย่างหนึ่งอย่างใดไปไม่ได้ ปรับนิสัยให้เคยชินกับอาหารวันละสามมื้อหรือปรับให้เหมาะสม เช่น เมื่ออายุมากขึ้นกินแต่ละมื้อน้อยลงจะปรับเป็นมื้อย่อยวันละ 5-6 มื้อก็ได้ ที่สำคัญคือรักษาเวลาให้ดี ป้องกันไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะหรือเป็นโรคกระเพาะ โดยปกติร่างกายคนเราใช้เวลาย่อยอาหารประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะห่างระหว่างมื้อจึงไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง ถ้าเว้นระยะนานหรือกินข้าวไม่ตรงเวลาจะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น หลีกเลี่ยงโรคกระเพาะได้ด้วยการเสริมอาหารว่างอย่างน้อย 2 มื้อระหว่างมื้อเช้า กลางวัน และเย็น

2.มื้ออาหารเป็นตัวกำหนดการเผาผลาญของร่างกาย ตื่นนอนตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ระบบเผาผลาญทำงานมีประสิทธิภาพที่สุด กินอาหารเช้าจะย่อยเร็วและส่งผลกระทบต่อมื้ออื่นตลอดวัน ส่วนอาหารมื้อเย็นควรรับประทานก่อนเวลา 20.00 น. เพื่อให้อาหารย่อยง่ายและดีต่อการควบคุมน้ำหนัก ถ้ากินดึกเกินไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากเป็นเท่าตัว มื้อเย็นไม่ควรมีโปรตีนมากเพราะต้องใช้เวลาย่อยนานเกินไป การรับประทานอาหารตรงเวลายังเป็นผลดีต่อตับซึ่งเป็นอวัยวะทำหน้าที่ล้างพิษในร่างกาย ถ้ากินอาหารใกล้กับเวลานอน จะทำให้ขับสารพิษออกมาได้ยากขึ้น

3.ช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับอาหารแต่ละมื้อ มีดังนี้

  • มื้อเช้า ควรรับประทานอาหารภายใน 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน เพื่อกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญให้เกิดเร็วขึ้น ยิ่งกินมื้อเช้าเร็วเท่าไร การเผาผลาญยิ่งมีประสิทธิภาพ ทำให้สุขภาพดีขึ้น
  • มื้อกลางวัน ระบบย่อยอาหารทำงานดีที่สุดระหว่างเวลา 12.00 น. ถึง 14.00 น. ทำให้ร่างกายย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้มากที่สุด มื้อนี้ควรจะเบากว่าอาหารเช้าและอาหารเย็น
  • มื้อเย็น เวลาที่เหมาะสมคือระหว่าง 17.00-18.00 น. หรือช้าที่สุดไม่เกิน 20.00 น. อาหารกลางวันและอาหารเย็นห่างกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง อาจเลือกรับประทานของว่างหรือผลไม้เพื่อไม่ให้ท้องว่างนานเกินไป งดกินอาหารก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพื่อให้ย่อยอาหารได้หมดและนอนหลับสนิทตลอดคืน

ประโยชน์ของการกินตรงเวลาทุกวันจะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ผล ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี และสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคได้ ความเหมาะสมของแต่ละคนแตกต่างกัน ควรปรับสมดุลและจัดตารางมื้ออาหารให้เหมาะกับตัวคุณที่สุด

4 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณเป็นสาวสุขภาพดี

4 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณเป็นสาวสุขภาพดี

เชื่อได้ว่า หลายคนคงเคยได้ยินกับประโยคที่ว่า “สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง” ซึ่งผลพลอยได้จากการมีสุขภาพดีนั้น นอกจากจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังส่งผลไปถึงสุขภาพจิตที่จะสดชื่น เบิกบาน อารมณ์ดีอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สาว ๆ ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสาวผิวสวยสุขภาพดี เราจึงมี 4 เคล็ดลับมาแนะนำกัน…

1.เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์
“You are what you eat” เป็นประโยคสุด Classic ที่ใช้ได้มาอย่างยาวนาน เพราะสิ่งที่คุณรับประทานเข้าไปนั้น ย่อมส่งผลกับสุขภาพของคุณโดยตรง เช่น ถ้าคุณทานผลไม้ที่มีน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะส่งผลให้คุณมีน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นได้ แม้จะเป็นผลไม้ก็ตาม เป็นต้น เพราะฉะนั้น นอกจากคุณควรจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นทานโปรตีนและลดอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูงแล้ว คุณควรจะทานอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปนั่นเอง

2.หาเวลาออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย เป็นเรื่องสำคัญหากคุณต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายและระบบอื่น ๆ ทำงานได้ดี ส่งผลให้คุณรู้สึกสดชื่นแจ่มใส มีพลังกาย พลังใจที่ดีขึ้น โดยขอแนะนำให้คุณหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน และอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายก็คือ พยายามหาประเภทการออกกำลังกายที่คุณชื่นชอบให้เจอ เพื่อทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่คุณรอคอยและอยากที่จะทำ

3.เพิ่มพลัง (คิด) บวก
การคิดบวก จะช่วยคุณในเรื่องของการขจัดความเครียดซึ่งเจ้าความเครียดนี้มีผลต่อการทำให้สุขภาพคุณแย่ลงได้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คร่ำเครียดอยู่กับงาน หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อยากให้คุณหาวิธีการผ่อนคลายและเพิ่มพลังชีวิต คิดบวกให้กับตัวคุณเองด้วย

4.พักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
การพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่คุณไม่ควรละเลยหากว่าอยากจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี สดชื่นแจ่มใส เพราะการนอนพักผ่อนจะช่วยให้คุณผ่อนคลายและร่างกายจะหลั่งสารต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งหากอู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ด้วยแล้ว การพักผ่อนให้เต็มที่จะทำให้ร่างกายเติบโตได้ตามที่ควรจะเป็นอีกด้วย

สำหรับ 4 เคล็ดลับที่นำมาฝากกันในวันนี้ หากคุณามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ก็จะทำให้คุณมีความสุขกาย สุขใจ ที่มาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงได้อย่างแน่นอน

วิธีเลือกอาหารตามกรุ๊ปเลือดอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดี

วิธีเลือกอาหารตามกรุ๊ปเลือดอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดี

กรุ๊ปเลือดของแต่ละคนส่งผลต่อการเลือกอาหารที่รับประทานเข้าไป ซึ่งค่อนข้างจะไม่เหมือนกันเนื่องจากมีการย่อยที่มีความแตกต่างกัน ถ้าเลือกรับประทานอาหารได้ถูกต้องตามกรุ๊ปเลือด ก็จะทำให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในทางตรงข้าม หากเลือกอาหารไม่ตรงกับกรุ๊ปเลือดก็จะทำให้ย่อยไม่หมด เกิดการตกค้างในร่างกายและนำไปสู่การเจ็บป่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เบื้องต้นคุณต้องทราบตัวเองก่อนว่ามีกรุ๊ปเลือดอะไร ถ้ายังไม่ทราบให้ไปเจาะเลือดตรวจก่อน แล้วเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับคุณ ดังต่อไปนี้

อาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดโอ

กรุ๊ปโอ เป็นกรุ๊ปเลือดที่เกิดมาก่อนกรุ๊ปอื่น หากใครอยากมีระบบย่อยอาหารที่ดี ควรเลือกอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือเนื้อแดง เช่น วัว แพะ เป็นต้น ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารประเภทธัญพืช ข้าวสาลี เนื่องจากจะทำให้ระบบการย่อยไม่ดี เพราะฉะนั้น จะดีไม่น้อยเลยเมื่อได้ปฏิบัติตามที่ได้กล่าวไว้ ก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะระบบภายในร่างกายเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น

อาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดเอ

กรุ๊ปเอ เป็นกรุ๊ปเลือดที่พัฒนามาจากกรุ๊ปโอ แต่จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ หากได้รับประทานเนื้อแดงก็จะทำให้ย่อยยากมาก เนื่องจากอวัยวะภายในที่เป็นส่วนกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น นม เนย ไข่ ไส้กรอก แฮม กุนเชียง แล้วเปลี่ยนเป็นการรับประทานนมถั่วเหลืองและผักทดแทน

อาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดบี

กรุ๊ปเลือดบี เป็นกรุ๊ปที่ไม่ค่อยเป็นปัญหาในการเลือกรับประทานอาหารเนื่องจากระบบอาหารของกรุ๊ปนี้มีการย่อยอาหารแบบสมดุล หมายความว่า สามารถย่อยได้ดีเยี่ยมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่และนม นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานกลุ่มผักทุกชนิดโดยเฉพาะผักที่มีสีเขียว

อาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดเอบี

กรุ๊ปเลือดเอบี เป็นกรุ๊ปเลือดที่เกิดมาหลังสุดในบรรดากรุ๊ปอื่น ๆ โดยมีที่มาจากกรุ๊ปเลือดเอกับบีสองชนิดรวมกัน แต่ถ้าได้เปรียบเทียบกับกรุ๊ปโอ เอและบี แล้ว จะมีภูมิต้านทานมากที่สุด ส่วนในเรื่องการเลือกอาหารนั้นคล้ายคลึงกับกรุ๊ปเออย่างมากเพราะไม่เหมาะที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ แต่ก็ยังสามารถย่อยผลิตภัณฑ์นมได้ดี

การรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นแนวทางที่ดีและเป็นที่ยอมรับมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ว่าช่วยป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้อาหารและโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีหลายคนที่ยังไม่ทราบหรือละเลยความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งต้องการมีสุขภาพที่ดี ควรเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เหตุผลที่สุขภาพนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน

เหตุผลที่สุขภาพนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน

สุขภาพกับเงิน หากเลือกได้คุณคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเลือกอะไรก่อน แน่นอนผู้คนมักจะเลือกเงินเพราะได้เข้าใจว่าเงินสามารถนำพาในสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่างจนลืมไปว่าสุขภาพต่างหากที่นำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน ทำให้มหาเศรษฐีหรือนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของอาลีบาบา ชื่อว่า แจ๊ค หม่า มีการกล่าวไว้ว่า คนกับลิงมีความแตกต่างกันเพราะถ้าได้วางเงินกับกล้วย ลิงจะเลือกกล้วยก่อนเพราะลิงไม่ทราบว่าเงินเป็นวัตถุที่สามารถแลกไปซื้อกล้วยอย่างมากมาย การที่ได้กล่าวไว้เพื่อให้เห็นว่าลิงยังเลือกสุขภาพก่อนสิ่งอื่น ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอกเหตุผลทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน ซึ่งมีอะไรบ้าง มาดูกัน

ทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จด้านการเงิน

สร้างรายได้กลับคืนมาใหม่ได้ตลอด

การแพทย์ได้มีความเชื่อว่า หากมีการดูแลสุขภาพอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็ตาม แล้วทำให้เงินที่มีอยู่ได้หมดไป แต่เรื่องเงินหมดไม่ใช่ประเด็นของปัญหา ถ้ามีร่างกายที่แข็งแรงเพราะสามารถหารายได้กลับคืนมาได้ตลอด ในทางตรงข้าม หากมีเงินหมื่นล้าน พันล้านหรือแสนล้านหรือมีสมบัติอย่างมากมาย หากป่วยถึงขั้นนั่งรถเข็นหรือเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไรก็ไม่มีความสุขและยังไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีกลับมาได้ แสดงให้เห็นว่า สุขภาพที่ดีแพงกว่าเงิน

ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์

สุขภาพนำความมั่งคั่งหรือที่เรียกว่า “Health Brings Wealth” คล้ายกับการลงทุนทำธุรกิจซึ่งจะต้องมีการเติมต้นทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ต้นทุนเหล่านี้ป้องกันการเกิดสัญญาณป่วยหรือถึงขั้นต้องมีคนนำส่งโรงพยาบาลจนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง กระทบต่อความสำเร็จทางด้านการเงิน ทางที่ดีควรสำรวจตัวเองเป็นประจำหรือ Detect ว่าสุขภาพร่างกายมีจุดบกพร่องตรงไหน ไม่ว่าจะเป็น ผมร่วง ตาไม่ชัด ปวดศีรษะบ่อย ประจำเดือนมาไปไม่ปกติ สิวขึ้น อ้วน หรืออื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าถึงหรือศึกษาการดูแลสุขภาพได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องไปหอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้ว เพียงค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเอง แต่ก็ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนเพราะมีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง จากนั้นให้นำข้อมูลที่คิดว่าดีมาปรับใช้กับตัวเอง

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะมีความสำคัญยิ่งกว่าเงินทอง นอกจากนี้ยังสามารถนำพาไปสู่ความฝันหรือเป้าหมายในทุกด้านโดยเฉพาะความสำเร็จทางด้านการเงิน ดังนั้น อย่าลืมใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอย่างสมดุล ไม่หักโหม นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อซ่อมแซมร่างกายและผ่อนคลายจิตใจ ซึ่งจะทำให้มีความพร้อมทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการ

ทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จด้านการเงิน

เคล็ดลับ สุขภาพจิตได้ สุขภาพกายดี

เคล็ดลับ สุขภาพจิตได้ สุขภาพกายดี

ร่างกายและจิตใจมีการเชื่อมโยงกัน หากสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดีไปด้วย ในทางตรงข้ามสุขภาพจิตแย่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน เราจึงมี 5 วิธีสร้างสุขภาพจิตที่ดีมานำเสนอ เพื่อการสร้างสุขภาพดีแบบองค์รวม ไปดูกันว่าจะมีวิธีไหนที่น่าสนใจบ้าง

วิธีการสร้างสุขภาพที่ดี

มีเป้าหมายในชีวิต การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความรู้สึกของการเห็นคุณค่าในชีวิตตัวเอง ซึ่งจะทำให้เราสามารถวางแผนอนาคตได้ว่าควรทำอะไรต่อไป โดยการตั้งเป้าหมายนั้นก็ไม่ควรตั้งไว้สูงเกินไป เพื่อให้สามารถทำได้สำเร็จและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง หากเราทำเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จแล้ว ก็สามารถเพิ่มระดับความยากได้ แต่ก็ควรวางเป้าหมายไว้โดยดูที่ระดับความสามารถของเราเป็นหลัก ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป

รู้จักแบ่งปันอยู่เสมอ เมื่อการแบ่งปันเกิดขึ้น จะสร้างความรู้สึกดีทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพจิตดีด้วย และหากเวลาที่เกิดความรู้สึกท้อแท้ ลองมองไปที่คนที่ลำบากกว่าเรา ก็จะช่วยให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้ามีความสามารถก็ช่วยเหลือตามกำลังที่พอช่วยได้ ก็จะทำให้เห็นคุณค่าของการให้มากขึ้น

มองโลกในแง่ดี การมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอจะทำให้ไม่ประสบกับความเครียดบ่อย ๆ ซึ่งดีต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เพราะเมื่อเกิดความเครียดก็จะมีสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นและสารเคมีในร่างกายต่าง ๆ ก็จะถูกหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อความเครียด ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ อย่างเช่น โรคกระเพาะ ไมเกรน ความดันโลหิตสูง รวมถึงอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ด้วย

ให้อภัยอยู่เสมอ การฝึกตัวเองไม่ให้โกรธเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ เพราะถ้าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ มีอารมณ์โกรธได้ง่าย ก็จะทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายขึ้น เพราะสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมาทั้งปัญหาสุขภาพร่างกายและปัญหาทางสังคมได้อีกด้วย

ออกกำลังกายเป็นประจำ เมื่อออกกำลังกาย เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายก็จะมีการหลั่งสารหลากหลายชนิดที่ส่งผลดีต่อทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะทำให้มีสุขภาพดีแบบองค์รวมได้ โดยในหนึ่งสัปดาห์ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพดีอยู่เสมอ

ในปัจจุบันมีปัจจัยภายนอกมากมายที่ส่งผลให้สุขภาพแย่ลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ยาก เช่น มลพิษต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน สารเคมีที่อยู่ในอาหารและอากาศ รวมถึงความเครียดที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วย ดังนั้นหากใครที่ต้องการมีสุขภาพดี ก็สามารถนำวิธีข้างต้นไปใช้ได้ทันที

วิธีการสร้างสุขภาพดี

เรื่องสำคัญของ พุง มาตรฐานชี้วัดด้านสุขภาพ

เรื่องสำคัญของ พุง มาตรฐานชี้วัดด้านสุขภาพ

เชื่อว่าหลายท่านไม่เคยหยิบสายวัดมาวัดรอบพุงตัวเองจนกว่าจะซื้อกางเกงตัวใหม่ เพราะมักจะชั่งน้ำหนักกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ารอบเอวกำลังขยาย จนกระทั่งเริ่มรู้สึกอึดอัดกับกางเกงที่สวมอยู่ว่าทำไมคับแน่นเกินไปแล้ว ลองหยิบสายวัดมาตรวจสอบกันตอนนี้ดู ถ้าเป็นผู้ชาย รอบพุงไม่ควรเกิน 36 นิ้ว หรือ 90 ซ.ม. ส่วนผู้หญิงไม่ควรเกิน 32 นิ้ว หรือ 80 ซ.ม.

ทำไมเรื่องขนาดรอบพุงจึงสำคัญนัก เพราะเป็นตัวชี้วัดว่าแต่ละบุคคลจะมีความเสี่ยงหรือไม่ในด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่อง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ถ้าใครวัดแล้วมีความยาวเกินที่กล่าวข้างต้น ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ยิ่งเกินมาก ยิ่งเสี่ยงมาก พุงจึงเป็นการตรวจสอบที่ง่ายที่สุดว่าถึงเวลาที่จะต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันได้แล้วหรือยัง

การลดพุงทำได้อย่างไร

หาความรู้ ก่อนอื่นใดจะต้องตระหนักถึงภัยร้ายและผลกระทบหากมีรอบพุงเกินกำหนดเสียก่อน โดยการหาความรู้เพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ต เพื่ออ่านข้อมูลที่ช่วยยืนยันและตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดูแลขนาดความยาวรอบพุงเสียตั้งแต่วันนี้ และทำอย่างต่อเนื่องจนรอบพุงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และคงขนาดรอบพุงที่เหมาะสมให้ต่อเนื่องไปได้อีกเป็นเวลานาน

สร้างแรงจูงใจ จะทำสิ่งใด ถ้าไม่มีแรงจูงใจก็คงจะหมดกำลังใจไปเสียก่อน หาภาพบุคคลที่คุณชื่นชอบเรื่องรูปร่างที่สมส่วน ไม่ต้องถึงกับเป็นนางแบบหุ่นดีหรือนายแบบหุ่นล่ำสัน แต่ให้มีรูปร่างแบบคนธรรมดาที่ดูสุขภาพดี การดูรูปเหล่านี้บ่อย ๆ จะทำให้คุณมีแรงใจในการทำตามเป้าหมายต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการงดทานอาหารทอด อาหารหวาน มัน เค็ม ที่โปรดปราน หรือการขยับตัวมาออกกำลังกาย

กินอาหารที่เหมาะสม เมื่อมีความรู้และกำลังใจที่ดีแล้ว ก็มาเริ่มการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่กินให้อิ่มมากเกินไป และกินอาหารที่หลากหลาย หลีกเลี่ยงอาหารทอด ขนมกรุบกรอบ อาหารปิ้งย่าง อาหารคอเลสเตอรอลสูง เช่น หอยนางรม ปลาหมึก รวมถึงอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม การเลือกกินจะทำให้สุขภาพค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นและมีขนาดรอบพุงลดลงได้

ออกกำลังกาย เมื่อกินอาหารเข้าไปแล้ว ก็ต้องมีการออกกำลังกายบ้าง เช่น การแกว่งแขน การออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายได้มีการขยับเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ไม่ติดอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ไม่ออกกำลังกายแบบหักโหมเพียงเพื่อต้องการเห็นผลระยะสั้น เพราะต้องเข้าใจก่อนว่า ที่ผ่านมาระหว่างที่อ้วนลงพุงมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับสมดุล จึงควรออกกำลังกายเบา ๆ แต่พอดี ไม่ฝืนกำลังตนเอง เพราะจะบาดเจ็บได้

วัดผล หมั่นสังเกตและจดบันทึกความยาวรอบพุงอยู่เสมอ เพื่อให้มีกำลังใจในการทำตามแผนลดพุงต่อไป วันนี้ 39 นิ้ว เดือนหน้า 38.5 นิ้ว คุณก็จะมีกำลังใจเพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี เป็นรางวัลตอบแทนที่มีค่ายิ่ง

ขนาดความยาวรอบพุง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ปรับการกิน การออกกำลังกายให้เหมาะสมให้รอบพุงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และไขมันในเลือดสูง

การลดพุงทำได้อย่างไร